ความรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์
ปัจจุบัน ผู้บริโภคมีแนวโน้มในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยต่อสุขภาพสูงขึ้น จึงเป็นโอกาสของบริษัทฯ ในการพัฒนาและต่อยอดธุรกิจผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทั้งนี้ บริษัทฯ จึงมุ่งมั่นที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญในการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมุ่งลดความเสี่ยงในการเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของผู้บริโภคจากการผลิตและการใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ซึ่งอาจจะส่งผลเชิงลบต่อชื่อเสียงและการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ
เป้าหมายการดำเนินงาน
ของโรงงานเมทิลเอสเทอร์แห่งที่ 1
ได้รับการรองรับคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint Product: CFP) ในปี 2564
ได้รับการรองรับฉลากลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์หรือฉลากลดโลกร้อน (Carbon Footprint Reduction: CFR)
ร้อยละ 50 ในปี 2564
การประเมินวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์
บริษัทฯ ได้นำหลักการประเมินวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ (Life Cycle Assessment: LCA) และหลักการ 3Rs มาประยุกต์ใช้ในขั้นตอนการออกแบบและผลิตผลิตภัณฑ์ครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนการได้มาซึ่งวัตถุดิบ การผลิต การใช้งาน การจัดการของเสียขั้นสุดท้าย รวมถึงการขนส่งในทุกขั้นตอน เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนตลอดวัฏจักรของผลิตภัณฑ์ และใช้ทรัพยากรในการผลิตให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ทั้งนี้ บริษัทฯ ประเมินวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์อ้างอิงตามมาตรฐาน ISO 14040 และ ISO 14044 อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ภายใต้การขอรับรองฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint Products: CFP) และฉลากลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint Reduction: CFR)
บริษัทฯ พัฒนาผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ซึ่งผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทฯ แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ และผลิตภัณฑ์ที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ
Fatty Alcohol Main-Cut และ Fatty Alcohol Pre-Cut
25
ผลิตภัณฑ์ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
เมทิลเอสเทอร์ (Bio-Methyl Ester: BME)
37
306,044 tonCO2
ประโยชน์ที่ได้รับจากผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ทุกผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ผลิตจากวัตถุดิบจากธรรมชาติที่สามารถปลูกทดแทนได้ อาทิ ปาล์มน้ำมัน และอ้อย เป็นต้น โดยอัตราส่วนวัตถุดิบที่ได้จากธรรมชาติคิดเป็น ร้อยละ 100 ซึ่งถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และปลอดภัยต่อผู้บริโภค โดยประโยชน์ที่ได้รับจากผลิตภัณฑ์หลักทั้ง 3 ประเภท ได้แก่



การจัดการสารอันตรายในผลิตภัณฑ์
สารเคมีที่เป็นอันตรายในผลิตภัณฑ์อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม โดยผลิตภัณฑ์ทุกชนิดของบริษัทฯ ผลิตจากวัตถุดิบจากธรรมชาติคิดเป็น ร้อยละ 100 อย่างไรก็ตาม โรงงานผลิตของบริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญในการใช้สารเคมีอันตรายตามกฎหมาย เช่น LPG Methanol Hydrogen Toluene Sulfuric acid Potassium Hydroxide เป็นต้น พร้อมทั้งมีการจัดการสารอันตราย ทั้งในด้านข้อกฎหมายและข้อกำหนดการควบคุมตามมาตรฐานที่เกี่ยวข้องในระดับประเทศและสากล เช่น บัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายตามประกาศกรมโรงงานอุตสาหกรรม สารทำลายบรรยากาศชั้นโอโซนตามพันธกรณีพิธีสารมอนทรีออล การขึ้นทะเบียน REACH (Registration Evaluation Authorization and Restriction of Chemicals) และ RoHs (The Restriction of Hazardous Substances) เป็นต้น
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จัดทำเอกสารข้อมูลความปลอดภัยสารเคมี (Safety Data Sheet: SDS) ตามระบบการจัดกลุ่ม Globally Harmonized System for Classification and labeling of Chemicals (GHS) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสื่อสารข้อมูลด้านความปลอดภัยของสารเคมีต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน เช่น ผู้ประกอบการ คู่ค้า ลูกค้า และชุมชน เป็นต้น
การประเมินความเสี่ยงสารอันตรายที่ส่งผลต่อสุขภาพของผู้บริโภค
บริษัทฯ ได้วางแผนการดำเนินการประเมินความเสี่ยงสารอันตรายในผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลต่อสุขภาพของผู้บริโภค ตามประกาศของกระทรวงอุตสาหกรรมฉบับที่ ๔๔๓๙ (พ.ศ. ๒๕๕๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง กําหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมการประเมินความเสี่ยงด้านสารเคมีต่อสุขภาพผู้ปฏิบัติงานในโรงงานอุตสาหกรรม โดยจะเริ่มดำเนินการประเมินดังกล่าวภายในปี 2564 ครอบคลุมผลิตภัณฑ์คิดเป็น ร้อยละ 100 ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด โดยผลการประเมินพบว่าไม่มีผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงที่มีสารอันตราย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสื่อสารแผนการประเมินความเสี่ยงแก่พนักงานที่เกี่ยวข้องผ่านช่องทาง อาทิ อีเมล การประชุม การอบรม และกิจกรรมเผยแพร่ความรู้
ปัจจุบัน บริษัทฯ ยังไม่มีการดำเนินการประเมินความเสี่ยงสารอันตรายในผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้วางแผนที่จะศึกษาและพัฒนาเกณฑ์การประเมินความเสี่ยงอ้างอิงตามหลักเกณฑ์และข้อกำหนดของของสหพันธ์สากลสมาคมผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมเคมี (International Council of Chemicals Association: ICCA)