ความรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์
ความท้าทายและความมุ่งมั่น
ปัจจุบัน ผู้บริโภคมีแนวโน้มในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยต่อสุขภาพสูงขึ้น จึงเป็นโอกาสของบริษัทฯ ในการพัฒนาและต่อยอดธุรกิจผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทั้งนี้ บริษัทฯ จึงมุ่งมั่นที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญในการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมุ่งลดความเสี่ยงในการเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของผู้บริโภคจากการผลิตและการใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ซึ่งอาจจะส่งผลเชิงลบต่อชื่อเสียงและการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ
ผู้มีส่วนได้เสียหลัก
ภาครัฐ
คู่ค้า และคู่ค้าทางธุรกิจ
เป้าหมายการดำเนินงาน
ของบริษัทฯ ได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint Product: CFP) ในปี 2567
แนวทางการบริหารจัดการ
กลยุทธ์การเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน
การประเมินวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ GRI 416-1 (2016)
บริษัทฯ ได้นำหลักการประเมินวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ (Life Cycle Assessment: LCA) และหลักการ 3Rs มาประยุกต์ใช้ในขั้นตอนการออกแบบและผลิตผลิตภัณฑ์ครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนการได้มาซึ่งวัตถุดิบ การผลิต การใช้งาน การจัดการของเสียขั้นสุดท้าย รวมถึงการขนส่งในทุกขั้นตอน เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนตลอดวัฏจักรของผลิตภัณฑ์ และใช้ทรัพยากรในการผลิตให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ทั้งนี้ บริษัทฯ ประเมินวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์อ้างอิงตามมาตรฐาน ISO 14040 และ ISO 14044 อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 ภายใต้การขอรับรองฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint Products: CFP) และฉลากลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint Reduction: CFR) โดยในปี 2567 ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้รับการรองรับคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ คิดเป็น ร้อยละ 100
บริษัทฯ พัฒนาผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ และในขณะเดียวกันก็เป็นการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของความต้องการของลูกค้าที่มุ่งไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ซึ่งผลิตภัณฑ์หลักของ บริษัทฯ แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ และผลิตภัณฑ์ที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเพิ่มเติมเกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์ ในเล่มรายงานความยั่งยืนแบบบูรณาการประจำปี 2567 ของบริษัทฯ ได้ที่ รายงานความยั่งยืนแบบบูรณาการประจำปี 2567
- โครงการศีกษาและวิจัยด้านการบริหารจัดการความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์: บริษัทฯ กำลังพัฒนาแนวทางการลดคาร์บอน รวมถึงการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่เดิมและผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีคาร์บอนต่ำและมีมูลค่าสูง การประเมินวัฏจักรชีวิต (LCA) ซึ่งครอบคลุมผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า 18 ผลกระทบ จากการคำนวนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกพบว่าการใช้ก๊าซชีวภาพในกระบวนการผลิตสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการผลิตเมทิลเอสเทอร์และกลีเซอรีนบริสุทธิ์ได้อย่างมีนัยสำคัญ
- โครงการพัฒนาน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพชนิดติดไฟยากจากน้ำมันปาล์มและนำร่องการทดสอบภาคสนามเชิงบูรณาการ เพื่อผลักดันให้เกิดการใช้งานเชิงพาณิชย์อย่างยั่งยืน: บริษัทฯร่วมมือกับศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) พัฒนาโครงการนำร่องเพื่อผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพชนิดติดไฟยากจากน้ำมันปาล์ม ในปี 2567 ได้มีการทดสอบภาคสนามในพื้นที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เพื่อยืนยันประสิทธิภาพการทำงานของน้ำมัน นวัตกรรมนี้ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับน้ำมันปาล์มได้มากกว่าการนำไปใช้ประกอบอาหารหรือไบโอดีเซล หากนำไปปรับใช้ทั่วประเทศ จะช่วยบริหารจัดการปริมาณน้ำมันปาล์มส่วนเกินและลดการนำเข้าน้ำมันหม้อแปลงได้ประมาณ 2 ล้านลิตรต่อปี
- โครงการผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Nutralist: บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับผู้ผลิต Food Ingredients ชั้นนำระดับโลกที่มีประสบการณ์การจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่งในประเทศไทย บริษัทฯจึงมีแผนขยายธุรกิจเวเข้าสู่ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้แบรนด์ Nutralist โดยมีเป้าหมายเพื่อขยาย Portfolio และโอกาสทางธุรกิจในผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง
- โครงการ Biosovell: บริษัทฯ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวทำละลายชีวภาพชนิดใหม่ภายใต้แบรนด์ “Biosovell” ซึ่งผลิตจากน้ำมันปาล์มธรรมชาติ ใช้งานง่าย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนแทนสารเคมีที่ผลิตจากปิโตรเลียม
สามารถรับทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับตารางสรุปผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองฉลากคาร์บอนฟุตปริ้นท์ของผลิตภัณฑ์และฉลากลดโลกร้อน ได้ที่ รายงานความยั่งยืนแบบบูรณาการประจำปี 2567
ประโยชน์ที่ได้รับจากผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ทุกผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ผลิตจากวัตถุดิบจากธรรมชาติที่สามารถปลูกทดแทนได้ อาทิ ปาล์มน้ำมัน และอ้อย เป็นต้น โดยอัตราส่วนวัตถุดิบที่ได้จากธรรมชาติคิดเป็น ร้อยละ 100 ซึ่งถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และปลอดภัยต่อผู้บริโภค โดยประโยชน์ที่ได้รับจากผลิตภัณฑ์หลักทั้ง 3 ประเภท ได้แก่



ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการจัดทำ14 ตัวชี้วัด เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในประเมินความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการจัดหาวัตถุดิบ ไปจนถึงการใช้งานผลิตภัณฑ์ โดยสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Eco Screening Criteria
การจัดการสารอันตรายในผลิตภัณฑ์
สารเคมีที่เป็นอันตรายในผลิตภัณฑ์อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม โดยผลิตภัณฑ์ทุกชนิดของบริษัทฯ ผลิตจากวัตถุดิบจากธรรมชาติคิดเป็น ร้อยละ 100 อย่างไรก็ตาม โรงงานผลิตของบริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญในการใช้สารเคมีอันตรายตามกฎหมาย เช่น LPG Methanol Hydrogen Toluene Sulfuric acid Potassium Hydroxide เป็นต้น พร้อมทั้งมีการจัดการสารอันตราย ทั้งในด้านข้อกฎหมายและข้อกำหนดการควบคุมตามมาตรฐานที่เกี่ยวข้องในระดับประเทศและสากล เช่น บัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายตามประกาศกรมโรงงานอุตสาหกรรม สารทำลายบรรยากาศชั้นโอโซนตามพันธกรณีพิธีสารมอนทรีออล การขึ้นทะเบียน REACH (Registration Evaluation Authorization and Restriction of Chemicals) และ RoHs (The Restriction of Hazardous Substances) เป็นต้น
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จัดทำเอกสารข้อมูลความปลอดภัยสารเคมี (Safety Data Sheet: SDS) และข้อมูลการจำแนกกลุ่มผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของสารเคมีตามระบบ UN GHS Category ภายใต้ระบบการจัดกลุ่ม Globally Harmonized System for Classification and labeling of Chemicals (GHS) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสื่อสารข้อมูลด้านความปลอดภัยของสารเคมีต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน เช่น ผู้ประกอบการ คู่ค้า ลูกค้า และชุมชน เป็นต้น
การประเมินความเสี่ยงสารอันตรายที่ส่งผลต่อสุขภาพของผู้บริโภค (Health Risk)
บริษัทฯ ได้วางแผนการดำเนินการประเมินความเสี่ยงสารอันตรายในผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลต่อสุขภาพของผู้ปฏิบัติงาน ตามประกาศของกระทรวงอุตสาหกรรมฉบับที่ ๔๔๓๙ (พ.ศ. ๒๕๕๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง กําหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมการประเมินความเสี่ยงด้านสารเคมีต่อสุขภาพผู้ปฏิบัติงานในโรงงานอุตสาหกรรม โดยเริ่มดำเนินการประเมินดังกล่าวตั้งแต่ปี 2564 ครอบคลุมผลิตภัณฑ์คิดเป็น ร้อยละ 100 ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด อย่างต่อเนื่อง โดยผลการประเมินพบว่าไม่มีผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงที่มีสารอันตราย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสื่อสารแผนการประเมินความเสี่ยงแก่พนักงานที่เกี่ยวข้องผ่านช่องทาง อาทิ อีเมล การประชุม การอบรม และกิจกรรมเผยแพร่ความรู้
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนที่จะศึกษาและพัฒนาเกณฑ์การประเมินความเสี่ยงสารอันตรายในผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมโดยอ้างอิงตามหลักเกณฑ์และข้อกำหนดของของสหพันธ์สากลสมาคมผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมเคมี (International Council of Chemicals Association: ICCA)